Database !!

ฐานข้อมูล (Database)
หมายถึง กลุ่มของข้อมูลที่มีความสัมพันธ์กัน นำมาเก็บรวบรวมเข้าไว้ด้วยกันอย่างมีระบบและ
ข้อมูลที่ประกอบ
กันเป็นฐานข้อมูลนั้น ต้องตรงตามวัตถุประสงค์การใช้งานขององค์กรด้วย
เช่นกัน เช่น ในสำนักงานก็รวบรวมข้อมูล
ตั้งแต่หมายเลขโทรศัพท์ของผู้ที่มาติดต่อจนถึงการ
เก็บเอกสารทุกอย่างของสำนักงาน ซึ่งข้อมูลส่วนนี้จะมีส่วนที่
สัมพันธ์กันและเป็นที่ต้องการ
นำออกมา
ใช้ประโยชน์ต่อไปภายหลัง ข้อมูลนั้นอาจจะเกี่ยวกับบุคคล สิ่งของสถานที่
หรือเหตุการณ์ใด ๆ ก็ได้ที่เราสนใจศึกษาหรืออาจได้มาจากการสังเกต การนับหรือการวัด
ก็เป็นได้ รวมทั้งข้อมูลที่
เป็นตัวเลข ข้อความ และรูปภาพต่าง ๆ ก็สามารถนำมาจัดเก็บเป็น
ฐานข้อมูลได้ และที่สำคัญข้อมูลทุกอย่างต้องมี
ความสัมพันธ์กัน เพราะเราต้องการนำมา
ใช้ประโยชน์ต่อไปในอนาคต

ตัวอย่าง

ชื่อฐานข้อมูล

กลุ่ม ข้อมูล

บริษัท

- พนักงาน

- ลูกค้า

- สินค้า

- ใบสั่งสินค้า

โรงเรียนหรือมหาวิทยาลัย

- นักเรียน

- อาจารย์

- วิชา

- การลงทะเบียน


ระบบฐานข้อมูล (Database System) หมายถึง การรวมตัวกันของฐานข้อมูลตั้งแต่

2 ฐานข้อมูล เป็นต้นไปที่มีความสัมพันธ์กัน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการลดความ

ซ้ำซ้อนของข้อมูล และทำให้การบำรุงรักษาตัวโปรแกรมง่ายมากขึ้นโดยผ่านระบบการ

จัดการฐานข้อมูล หรือ เรียกย่อ ๆ ว่า DBMS


องค์ประกอบของระบบฐานข้อมูล ระบบฐานข้อมูลเป็นเพียงวิธีคิดในการประมวลผล

รูปแบบหนึ่งเท่านั้นแต่การใช้ฐานข้อมูลจะต้องประกอบไปด้วยองค์ประกอบหลักดังต่อไปนี้

1.แอพลิเคชันฐานข้อมูล (Database Application) เป็นแอพพลิเคชันที่สร้างไว้ให้

ผู้ใช้งานสามารถติดต่อกับฐานข้อมูลได้อย่างสะดวก ซึ่งมีรูปแบบการติดต่อกับ

ฐานข้อมูลแบบเมนูหรือกราฟฟิก โยผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องมีความรู้เกี่ยวกับฐานข้อมูลเลย

ก็สามารถเรียกใช้งานฐานข้อมูลได้เช่น บริการเงินสด ATM

2.ระบบจัดการฐานข้อมูล (Database Management System หรือ DBMS)

กลุ่มโปรแกรมหรือซอฟต์แวร์ชนิดหนึ่งที่สร้างขึ้นมาเพื่อทำหน้าที่บริหารฐานข้อมูลโดยตรง

ให้มีประสิทธิภาพมากที่สุดเป็นเครื่องมือที่ช่วยอำนวยความสะดวกห้ผู้ใช้สามารถเข้าถึง

ข้อมูลได้โดยที่ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องรับรู้เกี่ยวกับรายละเอียดภายในโครงสร้างฐานข้อมูล

พูดง่าย ๆ ก็คือ DBMS นี้เป็นตัวกลางในการเชื่อมโยงระหว่างผู้ใช้ และโปรแกรมต่างๆ

ที่เกี่ยวข้องกับระบบฐานข้อมูล ตัวอย่างของDBMSที่นิยมใช้ในปัจจุบัน

ได้แก่ Microsoft Access, FoxPro, SQL Server, Oracle,Informix, DB2 เป็นต้น

หน้าที่ของระบบจัดการฐานข้อมูล มีดังนี้

1. กำหนดมาตรฐานข้อมูล

2. ควบคุมการเข้าถึงข้อมูลแบบต่าง ๆ

3. ดูแล-จัดเก็บข้อมูลให้มีความถูกต้องแม่นยำ

4. จัดเรื่องการสำรอง และฟื้นสภาพแฟ้มข้อมูล

5. จัดระเบียบแฟ้มทางกายภาพ (Physical Organization)

6. รักษาความปลอดภัยของข้อมูลภายในฐานข้อมูล และป้องกันไม่ใช้ข้อมูลสูญหาย

7. บำรุงรักษาฐานข้อมูลให้เป็นอิสระจากโปรแกรมแอพพลิเคชันอื่น ๆ

8. เชื่อมโยงข้อมูลที่มีความสัมพันธ์เข้าด้วยกัน เพื่อรองรับความต้องการใช้ข้อมูล

ในระดับต่าง ๆ

3.ดาต้าเบสเซิร์ฟเวอร์ (Database Server) เป็นคอมพิวเตอร์ที่คอยให้บริการการจัดการฐาน
ข้อมูลซึ่งก็คือเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ระบบจัดการฐานข้อมูลทำงานอยู่นั่นเอง เพราะฉะนั้นควรเป็นคอมพิวเตอร์ที่มีความรวดเร็วในการทำงานสูงกว่าคอมพิวเตอร์ที่ใช้งานโดยทั่วไป
4.ข้อมูล (Data) เนื้อหาของข้อมูลที่เราใช้งาน ซึ่งจะถูกเก็บในหน่วยความจำของดาต้าเบส
เซิร์ฟเวอร์โดยจะถูกเรียกมาใช้งานจากระบบจัดการฐานข้อมูล

5.ผู้บริหารฐานข้อมูล (Database Administrator หรือ DBA) กลุ่มบุคคลที่ทำหน้าที่ดูแลข้อมูล
ผ่านระบบจัดการฐานข้อมูล ซึ่งจะควบคุมให้การทำงานเป็นไปอย่างราบรื่น นอกจากนี้ยังทำหน้าที่
กำหนดสิทธิการใช้งานข้อมูลกำหนดในเรื่องความปลอดภัยของการใช้งาน พร้อมทั้งดูแลดาต้าเบส
ทำงานอย่างปกติในปัจจุบันนี้ฐานข้อมูลมีเยอะแยะมากมายหลายประเภทมีให้เลือกแล้วแต่ความ
สะดวกในการใช้งาน ฐานข้อมูลที่นิยมส่วนใหญ่และเป็นที่รู้จักได้แก่ Microsoft Access
คือ โปรแกรมจัดการด้านฐานข้อมูลที่ ทำงานบนเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลนั่นเอง
สำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กแล้วอาจจะจัดว่าเป็น โปรแกรมจัดการทางด้านฐานข้อมูล
ขนาดเล็กที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด และใช้งานง่ายที่สุดก็ว่าได้ โปรแกรมนี้ถูกพัฒนาขึ้นมาโดยบริษัท Microsoft ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ในวงการ Computer Software ของโลก
รวมถึงมีฐานข้อมูล database ชนิดอื่นๆ ที่จะแนะนำอีก เช่น
คิว - เอสคิวแอล (SQL) คือ ภาษาสอบถามข้อมูล หรือภาษาจัดการข้อมูลอย่างมีโครงสร้าง มีการพัฒนาภาษาคอมพิวเตอร์ และโปรแกรมฐานข้อมูลที่รองรับมากมาย เพราะจัดการข้อมูลได้ง่าย
SQL มาจากคำว่า Structured Query Language ใช้ในการจัดการเกี่ยวกับระบบฐานข้อมูล SQL
มีคำสั่งที่ใช้ในการแยกข้อมูล การเรียงลำดับข้อมูล การปรับปรุงข้อมูล การลบข้อมูล และการใส่
แทรกข้อมูล SQL สามารถใช้งานกับ ระบบจัดการฐานข้อมูลอื่นเช่น MySQL, mSQL, PostgresSQL, Oracle, Microsoft SQL Server, Access, Sybase .. เป็นต้น

- GIS ฐานข้อมูลในระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ คือ กระบวนการทำงานเกี่ยวกับข้อมูลในเชิงพื้นที่ (spatial data) ด้วยระบบคอมพิวเตอร์ โดยการกำหนดข้อมูลเชิงบรรยาย (attribute data) และสารสนเทศ เช่น ที่อยู่ บ้านเลขที่ ที่มีความสัมพันธ์กับตำแหน่งในเชิงพื้นที่ เช่น ตำแหน่ง เส้นรุ้ง เส้นแวง ในรูปของ ตารางข้อมูล และ ฐานข้อมูลโปรแกรมนี้กรมที่ดินใช้อยู่ ฐานข้อมูล CDS/ISIS หมายถึงแฟ้มข้อมูลที่ประกอบด้วยหน่วยของสารนิเทศ ( Unit of Information ) ที่ได้รับการจัดกลุ่มให้อยู่รวมกันตามความต้องการของผู้ใช้แต่ละราย สารนิเทศแต่ละหน่วยในฐานข้อมูล จะประกอบด้วยหน่วยข้อมูล (Data elements) ต่างๆ โดย แต่ละหน่วยข้อมูลแสดงถึงคุณสมบัติเฉพาะของข้อมูล และจัดเก็บในเขตข้อมูล (Field) โดยเขตข้อมูลทุกค่าจะมีหมายเลขประจำเขตข้อมูล (Field Tag ) เพื่อใช้ในการอ้างอิง กลุ่มของเขตข้อมูลประกอบกันเป็นระเบียน (Record) โปรแกรม CDS/ISIS มีลักษณะพิเศษ เฉพาะที่ต่างจากโปรแกรมคอมพิวเตอร์ทั่วไปอื่นๆ กล่าวคือได้รับการออกแบบให้สามารถ จัดเก็บค่าข้อมูลและระเบียนข้อมูลที่สามารถเปลี่ยนแปลงความยาวได้ (Variable Lenght) บางเขตข้อมูลอาจมีหรือไม่มีข้อมูลก็ได้ หรือบางเขตข้อมูลอาจมีข้อมูลมากกว่า 1 หน่วยก็ได้ เรียกกว่ามีเขตข้อมูลย่อย (Sub-Field) นอกจากนั้นในบางระเบียนอาจเกิดเขตข้อมูลเดียวกัน หลายครั้งก็ได้ เรียกว่ามีเขตข้อมูลซ้ำ ( Repeatable Field)

ที่มา:http://www.spvc.ac.th/webpage/mon/MonchaiWebpage/Subjects/DBMS32042014/dataBaseIntro.html






25 ความคิดเห็น:

  1. เนื้อหาเยอะจัง ไม่เห็นมีรูปภาพเลย อ่านแล้วดูไม่ค่อยหน้าสนใจ

    ตอบลบ
  2. ได้ความรู้จากเนื้อหานี้มากขึ้นเยอะเลย แต่ไม่ค่อยมีรูปภาพที่ดึงดูดความสนใจนะ

    ตอบลบ
  3. เนื้อหาอ่านแล้วเข้าใจง่าย สีสันตัวหนังสือดูสีสันน่ารักดี แต่ว่าควรจะทำตัวอักษรให่เท่ากันนะคะ เพื่อความสวยงามของบล๊อก =)

    ตอบลบ
  4. พึ่งรู้เหมือนกันค่ะ ว่า Database ยังมีมากมายอีกหลายชนิด อย่างเช่น กรมที่ดินได้ใช้ฐานข้อมูลGIS ช่วยในการระบุพิกัดต่างๆของพื้นที่ ถือว่าเป็นความรู้รอบตัวเพิ่มเติม จากการอ่านบล๊อกนี้ค่ะ

    ตอบลบ
  5. เนื้อหาเยอะดีค่ะ



    สีสันสวยงาม

    ตอบลบ
  6. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ
  7. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ
  8. ข้อเพิ่มเติม ระบบฐานข้อมูลที่ดีจะต้องมีการทำงานเเบบ
    Single Database หมายถึงการจัดเก็บข้อมูลไว้ที่เซิฟเวอร์หลักที่เป็นจุดศูนย์กลางเพียงเเห่งเดียวเพื่อลดความซ้ำซ้อนของการจัดเก็บข้อมูล ในปัจจุบันระบบที่ทำงานเเบบSingle Database เเละมีประสิทธิภาพที่สุดคือ Oracle

    ตอบลบ
  9. อ่านแล้วทำให้รู้เลยว่า Database มีข้อดีเยอะกว่าที่คิด

    ตอบลบ
  10. ข้อมูลมีเยอะดี แต่ไม่ค่อยมีรูป
    5202100051

    ตอบลบ
  11. ขอแนะนำโปรแกรมจัดการฐานข้อมูลอีกตัวนอกจากMicrosoft Access คือ MySQL ในการจัดการฐานข้อมูล MySQL คุณสามารถใช้โปรแกรมแบบ command-line เพื่อจัดการฐานข้อมูล (โดยใช้คำสั่ง: mysql และ mysqladmin เป็นต้น). หรือจะดาวน์โหลดโปรแกรมจัดการฐานข้อมูลแบบ GUI จากเว็บไซต์ของ MySQL ซึ่งคือโปรแกรม: MySQL Administrator และ MySQL Query Browser. เป็นต้น

    ที่มา http://th.wikipedia.org/

    ตอบลบ
  12. ประโยชน์และความสำคัญของ database ใน IT
    1.ลดความซ้ำซ้อนของข้อมูลแต่ละแผนก
    2.ลดความผิดพลาด ของข้อมูล กรณีใช้ Database เดียวในระบบ ถ้าแต่ละแผนกแยกเก็บข้อมูลกับ ข้อมูลอาจอัพเดทไม่พร้อมกันเกิดความผิดพลาดได้
    3.ให้ข้อมูลที่เป็นจริงอยู่เสมอ ไม่มีข้อมูลเก่า อ้างอิงคล้ายข้อสอง
    4.รวดเร็ว ในการตรวจเช็ค และทำรีพอร์ต
    5.เมื่อสามารถทำระบบ รีพอร์ตได้รวดเร็วเลยส่งผลทางอ้อมให้ วิเคราะห์ข้อมูลจากรีพอร์ทได้ ทำให้หน่วยงานมีความพัฒนาก้าวหน้า
    6.ช่วย ป้องกัน ของหายและทำให้บริหารจัดการได้ง่ายขึ้นส่งผลให้ประสิทธิภาพงานมากขึ้น ข้อนี้จะคล้ายข้อ 2 แต่ผมแยกมา เพราะข้อ 2 เป็นลด แต่ข้อนี้เป็นป้องกัน
    คำอธิบายพวกนี้ผมเขียนจากประสบการณ์ไม่ได้ลอกตำรามาเป็นความเห็นส่วนตัวน่ะ ต้องจินตนาการแต่ล่ะข้อด้วย

    ตอบลบ
  13. เนื้อหาดี ถ้ามีรูปประกอบคงดึงดูดมากกว่านี้

    ตอบลบ
  14. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ
  15. จากเนื้อหาที่ได้อ่าน ทำให้เรารู้ว่าDatabase มีประโยชน์มากกว่าที่เราคิดไว้

    ตอบลบ
  16. เนื้อหาเยอะมากแต่พึ่งรู้ว่ามีประโยชน์มากกว่าที่คิด

    ตอบลบ
  17. เนื้อหาเยอะดี แต่ไม่มีรูป

    ตอบลบ
  18. เนื้อหาและตัวอย่างประกอบดีนะค่ะ เข้าใจง่าย

    ควรปรับขนาดตัวอักษรให้เท่ากันเพื่อความสวยงามนะค่ะ

    ตอบลบ
  19. ควรมีภาพประกอบเพื่อเพิ่มความเข้าใจ

    ตอบลบ
  20. น่าจะมีรูปเพื่อให้มีความน่าสนใจในการอ่านมากขึ้น

    ตอบลบ
  21. เนื้อหาอ่านง่าย


    น่าจะมีรูปภาพประกอบเพื่อให้มีความน่าสนใจในการอ่านมากขึ้น

    ตอบลบ
  22. ข้อความสีสันมากไปนิด แต่อ่านแล้วก็ทำให้มีความรู้มากขึ้น

    ตอบลบ
  23. เนื้อหาเยอะดีค่ะ มีประโยชน์มาก แต่ขนาดตัวอักษรไม่เท่ากัน ดูแล้วไม่สวย เนื้อหาติดกันเกินไป มันดูแน่นๆอ่าค่ะ

    ตอบลบ
  24. อ่านแล้วเข้าใจมากขึ้น แต่น่าจะมีรูปภาพด้วย

    ตอบลบ
  25. เนื้อหาเยอะ แต่น่าจะมีรูปประกอบบ้าง
    ใช้แบบอักษรและขนาดตัวอักษรไม่เหมือนกัน ทำให้ดูแล้วไม่สวยงาม

    ตอบลบ